Translate

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

กายวิภาคศาสตร์(Introduction of anatomy)

     

วิชากายวิภาคศาสตร์หรือเรียกกันคุ้นหูว่าอนาโตมี(Anatomy)เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ซึงมีความจำเป็นอย่างมากกับนักศึกษาที่ศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะอนาโตมีถือเป็นวิชาพื้นฐานของทุกวิชาที่จะเรียนต่อไป ร่างการมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนและเป็นความลับ ซึ้งมีคนมากมายพยายามจะคลี่คลายความลับนั้นในหลายร้อยปีที่แล้วประมาณ1600BC(ก่อนคริสตศักราช) มีทั้งคนวินบ้างและเฟลบ้างตามๆกัน มีการศึกษาจากนักวิทยทยาศาสตร์ทั่วทุกมุมโลกแต่ส่วนมากสมัยนั้นจะใช้การมโนเอาซะมากกว่าเพราะว่าไม่สามารถชำแหละศพได้ ถ้าคุณไปชำแหละศพแม้กระทั่งศพหมาในสมัยนั้นคุณอาจจะถูกมองว่าเป็นคนบ้าและถูกนำไปประหารเอาได้ แต่ต่อๆมาก็ได้มีการใช้สัตว์มาผ่าเพื่อศึกษาซึ่งนั่นทำให้กายวิภาคศาสตร์ถูกต้องขึ้นมาบ้างแล้ว จนถึงสมัยต้น4BC การศึกษากายวิภาคศาสตร์ถือกำเนิดขึ้นอย่างจริงจังที่ประเทศอียิปต์ และเริ่มเป็นที่แพร่หลายจากการศึกษาของฮิปโปเครติส(Hippocrates) ซึ้งเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชาวกรีกหรือที่รู้จักกันดีในนามของ "บิดาแห่งการแพทย์" กลายเป็นผู้ที่วินที่สุุดในการศึกษากายวิภาคศาสตร์ในสมัยนั้น และอริสโตเติล(Aristotle)คือคนที่เรียกการศึกษานี้ว่า "anatome"แปลว่าการตัดซึ้งตรงกับภาษาละตินคำว่า dissecare หรือ dissect ที่แปลว่าการฉำแหละ การศึกษากายวิภาคศาสตร์ได้เริ่มต้นศึกษาอย่างลึกซึ้งและได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมาตร์
สาขาของกายวิภาคศาสตร์
Microscopic Anatomy
     เป็นการศึกษาที่จำเป็นต้องศึกษาผ่านกล้องจุลทัศน์ซึ้งมีอยู่ด้วยกัน3ชนิดคือ กล้องจุลทัศน์แบบใช้แสง(light microscope) กล้องจุลทัศน์สเตอริโอ(steeo microscope) และกล้องจุลทัศน์อิเล็กตรอน(electron microscope) การศึกษานี้แบ่งเป็น2สาขาคือ
-เนื้อเยื่อวิทยา(histology) 
-เซลล์วิทยา(cytology)
Gross Anatomy
     การศึกษาโครงสร้างต่างๆที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าซึ้งแบ่งออกเป้น3แขนง
-surface anatomy เป็นการศึกษาภายนอกร่างกายไม่มีการการตัดหรือผ่าชิ้นส่วนใด การศึกษานี้สำคัญกับการวินิจฉัยโรคอย่างมาก
-regional anatomy ศึกษาโดยการแบ่งร่างกายออกเป็นส่วนต่างๆรวมถึงการศึกษาร่างกายในภาคตัดขวาง(topographic anatomy)
1.ทรวงอก(Thorax)
2.ท้อง(Abdomen)
3.เชิงกราน(Pelvic)
4.หลัง(Back)
5.ระยาค์บน(Upper limb)
6.รายาค์ล่าง(Lower limb)
7.ศีรษะและคอ(Head and Neck)
ในหนังสือกายวิภาคศาสตร์ของต่างประเทศ(anatomy textbook)ส่วนมากจะจัดเรียงเนื้อหาแบบregional anatomy
-systemic anatomy
ศึกษาโดยแบ่งร่างกายออกเป็นเป็นระบบต่างตามหน้าที่และการทำงาน โดยแบ่งอกเป็น11ระบบ
1.Integumentary (ระบบปกคลุมร่าง)
2.Muscular (ระบบกล้ามเนื้อ)
3.skeleton(ระบบกระดูก)
4.nervous(ระบบประสาท)
5.endocrine(ระบบภูมิคุ้มกัน)
6.cardiovascular(ระบบไหลเวียนโลหิต)
7.lymphatic(ระบบน้ำเหลือง)
8.Respiratory(ระบบหายใจ)
9.Digestive system(ระบบย่อยอาหาร)
10.Urinary(ระบบขับถ่าย)
11.reproductive(ระบบสืบพันธุ์)
Clinical Anatomy
เน้นความสำคัญทางคลินิก และจำเป็นต้องนำเทคนิคต่างๆมาช่วยในการศึกษาเช่นรังสีวิทยา ส่วนมากจะศึกษาเป็นกรณีศึกษา(case study)
Radiological Anatomy
เป็นการศึกษาโครงสร้างของร่างการโดยนำเทคนิคทางด้านรังสีวิทยาเข้าช่วย นับว่ามีความสำคัญในการวินิจฉัยโรคในปัจจุบันอย่างมาก
Developmental Anatomy
เป็นการศึกษาพัฒนาการในด้านต่างๆของทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Embryology

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น